จอประสาทตาเสื่อม , อาการ , การรักษา , เกิดจาก?

จอประสาทตาเสื่อม

จอประสาทตาเสื่อม (Age-Related Macular Degeneration: AMD) คือ โรคทางตาที่มีความผิดปกติบริเวรจุดรับภาพกลางบริเวณการมองเห็นเป็นรูดำ เห็นภาพผิดเพี้ยน ซึ่งจะเกิดกับในกลุ่มผู้สูงวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งโรคจอประสาทตาเสื่อมนี้ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นได้ ซึ่งโรคจอประสามตาเสื่อมนี้จะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการด้วย

คุณต้องการตัวช่วย ดูแลดวงตา ไหม? คลิกเลย

สาเหตุของอาการ จอประสาทตาเสื่อม

ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลให้เป็นโรคจอตาเสื่อมมีดังนี้

  • พบส่วนมากในกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
  • วัยหมดประจำเดือน หรือ กำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ทานทานฮอร์โมนเอสโตรเจน มีความเสี่ยงที่จะเป็นจอตาเสื่อม
  • การสูบบุหรี่ มีความเสี่ยงโอกาสจที่จะเป็นโรคนี้ 3-4 เท่า เทียบกับคนที่ไม่สูบ
  • ภาวะความดันโลหิตสูง มีคลอเลสเตอรอลสูง ระบบแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำ ก็มีโอกาสเป็นจอตาเสื่อมแบบเปียกสูง
  • ชาติพันธ์ ก็มีส่วน เพราะโรคนี้ส่วนมากจะพบได้ในคน ยุโรป อเมริกา ที่เป็นเพศหญิง สูงเช่นกัน

โรคจอประสาทตาเสื่อมแบ่งออกได้ เป็น 2 ประเภท

จอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้ง

แบบแห้งจะพบได้มากกว่า ซึ่งเกิดจากดวงตาเสื่อมอายุตามวัย อาการแบบแห้งจะเริ่มจากการเห็นภาพเบลอ มองเห็นหน้าคนไม่ชัด พอเห็นไม่ชัดก็ทำให้จำหน้าคนไม่ค่อยได้ มีอาการตามัว การมองเห็นเริ่มลดลงที่ละเล็กที่ละน้อย สุดสุดท้ายก็สูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุดนั้นเอง

จอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก

แบบเปียกนี้จะพบได้น้อยกว่า เท่าที่พบมีเพียง 10 เปอร์เซนต์เท่านั้นจากผู้ป่วยทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเส้นเลือดฝ้ายด้านหลักจอตามีความผิดปกติ โดยมีของเลือดรั่วออกจากจุดรับภาพหรือจอตา ความน่ากลัวของมันคือ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นแบบถาวรหรือแบบเฉียบพลันเลยก็เป็นได้

credit : https://www.allaboutvision.com/conditions/amd.htm

อาการจอประสาทตาเสื่อม

  • มองเห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นจุดดำกลางจอภาพ
  • มีการอาการตาแพ้แสง มองในที่สว่างไม่ค่อยได้
  • มองตอนกลางคืนค่อนข้างลำบาก ปรับโฟกัสไม่ค่อยได้
  • มีอาการตามัว จากการมองเห็นสิ่งต่างๆ
  • การมองเห็นสีที่ผิดเพี้ยน

อาการจอประสาทเสื่อมชนิดแห้ง อาการส่วนใหญ่ของชนิดนี้ ช่วงแรกๆ อาจจะเห็นเป็นภาพเบลอ , จุดดำ หรือจุดบอด ตรงกลางจอภาพเวลามองเห็นสิ่งต่างๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปจุดดำนั้นจะขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยส่งผลให้เริ่มสูญเสียการมองเป็นไปที่ละน้อยๆ จนทำให้การมองเห็นได้ลำบากมายิ่งขึ้นสุดท้ายหากไม่รีบรักษาก็อาจจะสูญเสียการมองเห็นตลอดไป

อาการจอประสาทเสื่อมชนิดเปียก เนื่องจากมีกลุ่มคนเป็นมีน้อยกว่าชนิดแห้ง คนกลุ่มนี้จะมีลักษณะเห็นภาพบิดเบี้ยว มีอาการตาพร่ามัว เห็นมีจุดดำขนาดใหญ่ในการมองเห็นภาพ ซึ่งเกิดจากเลือดไหลไปในจุดรับภาพของตัวผู้ป่วยนั้นเอง

อาการจอประสาทเสื่อม รักษาได้ไหม?

วิธีการรักษาในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีวิธีไหนที่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่วิธีการรักษาเป็นการช่วยดูแล ฟิ้นฟู เพื่อหยุด หรือ ชะลอเพื่อไม่เป็น โรคจอประสาทตามเสื่อมเป็นไปมากกว่าเดิม

  • การรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม ชนิดแห้ง ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดมีแต่วิธีป้องกันไม่ให้ลุกลามมากขึ้น การเป็นจอตาเสื่อมชนิดแห้งจะค่อยๆ เกิดขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ปกติได้ในช่วงแรก ระหว่างทางให้ค่อยปรึกษาคุณหมอเพื่อตัวตรวจเช็คเป็นระยะ หาวิธีปรับตัว วิธีป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น หรือ อาจต้องใช้อปุกรณ์ต่างๆ ช่วยด้วย
  • การรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม ชนิดเปียก การใช้เลเซอร์เข้ามาช่วยยับยั้งและชะลอหลอดเลือดที่ใต้จอประสาทตาไม่ให้เป็นมากกว่าเดิม เมื่อทำการใช้แสงเลเซอร์แล้ว ไม่อาจะทำให้ตากลับมาเป็นเหมือนปกติได้ เหมือนที่เน้นย้ำไปว่า โรคนี้ ไม่มีทางหายขาดได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันเพื่อให้ไม่ให้เป็น

วิธีการรักษาจอประสาทตาเสื่อม

ปัจจุบันมีการรักษาอยู่ 4 แบบ

  1. ฉายแสงเลอเซอร์เพื่อรักษา ด้วยการใช้เลเซอร์ทำให้เกิดความรอนที่จอประสาทตาของผู้ป่วย เพื่อไปหยุดยั่งหรือช่วยชะลองเส้นเลือดบริเวณจอประสาทตาที่มีความผิดปกติให้เกิดเลือดออกมาใต้จอประสาทตา ซึ่งส่วนจอประสาทตาที่โดนแสงของเลเซอร์ตัวนี้อาจจะถูกความร้อนทำลายไปด้วย  ซึ่งส่งผลให้เกิดจุดดำอย่างถาวรได้ หากใช้วิธีการรักษานี้ ตัวผู้ป่วยเองต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และพร้อมรับความเสี่ยงได้ ซึ่งต้องมีความเป็นผิดดวงตามานานพอสมควรแล้ว
  2. การใช้เลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดความร้อน ร่วบกับการใช้ยาที่ใส่เข้าไปในทางเส้นเลือด ซึ่งจะใช้ยาเข้าผ่านระบบไหลเวียนเลือด ที่ยาจะแบ่งตัวที่ผนังหลอดเลือดใจจอประสาทตา และฉายแสงที่ไม่ได้มีความร้อนมากเข้าไปเพื่อไม่ให้โรครุนแรงมากไปกว่าเดิน แต่หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว จะทำให้การมองเห็นลดลงในช่วงแรก และ การมองเห็นจะกลับมามองเห็นอาจจะใกล้เคียงกับการมองเห็นปกตินั้นเอง
  3. การฉีดยา เข้าไปในวุ้นตาเพื่อทำให้เส้นเลือดที่งอกออกมาแบบผิดปกตินั้นฝ่อไปเอง การฉีดต้องทำอย่างน้อย 3 ครั้งทุก 1 เดือน และ เปลี่ยนมาฉีดเนื่องกันทุกเวลา 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับแพทย์จะแนะนำในอาการของผู้ป่วยแต่ละคน
  4. การผ่าตัดจอประสาทตาเสื่อม ในกรณีที่มีเลือดออกใต้จุดกลางรับภาพ ซึ่งวิธีการนั้นคือการฉีดยาเข้าไป และฉีดแก๊สเข้าไปเพื่อขยับจุดกลางภาพให้เห็นได้มากขึ้น ได้นั้นเอง

ทุกวิธีการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาหยอดเอง เพราะ อาจจะทำให้ผู้ป่วยเองสูญเสียการมองเห็นได้ ย้ำว่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

จอประสาทตาเสื่อม ทาน วิตามิน หรือ อาหารเสริม ช่วยได้ไหม?

มีงานวิจัยทั้งในไทย และ ต่างประเทศ ได้พิสูจน์แล้วว่า การทานลูทีนและซีแซนทีน ช่วยทำให้การสีการมองเห็นในตาชัดขึ้น หากทานก่อนมีอาการจอตาเสื่อมจะช่วยปกป้องดวงตา หรือ ยืดอายุการใช้งานดวงตาให้นานขึ้นได้

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ > [งานวิจัย] ลูทีน กับ โรคจอประสาทตาเสื่อม

  • ทานลูทีนและซีแซนทีน 10 mg/วัน ช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
  • ทานลูทีนและซีแซนทีน 20 mg/วัน ช่วยฟื้นฟูโรคจอประสาทตาเสื่อม

แหล่งข้อมูล

  • Age-Related Macular Degeneration https://www.nei.nih.gov/learn-about-eye-health/eye-conditions-and-diseases/age-related-macular-degeneration
  • Age-Related Macular Degeneration (AMD or ARMD) https://www.msdmanuals.com/professional/eye-disorders/retinal-disorders/age-related-macular-degeneration-amd-or-armd

 

แนะนำอาหารเสริมฟื้นฟูดวงตาจากงานวิจัย Herbitia Lutein

ที่มีสารสกัดเข้มข้นจากอิตาลี