คนไทยราว 24% ของประชากรไทย คิดว่าตัวเองมีปัญหาท้องผูก เมื่อค้นลึกเข้าไปพบว่า 8% มีการขับถ่ายลำบาก และ 3% พบปัญหาถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของอาการท้องผูก นี่เป็นปัญหาเรื้อรังเพราะชีวิตที่รีบเร่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่อายุมากกว่าสามสิบ ที่ไม่มีเวลาทานผักผลไม้ที่มากพอ ก็จะทำให้เป็นท้องผูกได้ Health30plus ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคท้องผูกมาให้อ่านกัน
Table of Contents
อาการท้องผูก คืออะไร?
อาการท้องผูกเป็นโรคทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยโดยมีอาการถ่ายอุจจาระไม่บ่อย อุจจาระแข็ง และอุจจาระลำบาก อาจทำให้ไม่สบาย ท้องอืด และปวดท้องได้ ในกรณีที่รุนแรง อาการท้องผูกอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ริดสีดวงทวาร รอยแยกที่ทวารหนัก ทวารหนักย้อย หรือ รุนแรงถึงการเป็นมะเร็งลำไส้ได้
อาการท้องผูก อาจรวมถึง:
- การเคลื่อนไหวของลำไส้ไม่บ่อยนัก (น้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์)
- อุจจาระแข็งก้อนใหญ่ถ่ายไม่ออก
- บีบรัดให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
- รู้สึกเหมือนคุณยังคงต้องไปหลังจากมีการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ปวดท้องหรือไม่สบาย
- ท้องอืดหรือรู้สึกอิ่ม
- มีกลิ่นปาก
สาเหตุท้องผูกเกิดจากอะไร?
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ท้องผูก ได้แก่ :
ปัจจัยด้านอาหารและการใช้ชีวิต
- การบริโภคเส้นใยหรือไฟเบอร์ต่ำ: การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยต่ำจะทำให้อุจจาระแข็งและถ่ายยากขึ้น หรือ การไม่ค่อยได้กินผักผลไม้ที่มากพอนั้นเอง
- การขาดการออกกำลังกาย: การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่งอาจทำให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ช้าลง ซึ่งนำไปสู่อาการท้องผูก
- ภาวะขาดน้ำ: การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้อุจจาระแห้งและแข็งได้
- ยา: ยาบางชนิดเช่น Opioids, Antidepressants และ Antacids ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการท้องผูกได้
ปัจจัยทางการแพทย์
- อาการลำไส้แปรปรวน (IBS): ภาวะทั่วไปที่ส่งผลต่อลำไส้ใหญ่และอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือมีอาการสลับกันของทั้งสองอย่าง
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน: ภาวะต่างๆ เช่น ภาวะพร่องไทรอยด์และเบาหวานอาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อในลำไส้ นำไปสู่อาการท้องผูก
- ความผิดปกติทางระบบประสาท: ภาวะต่างๆ เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งและการบาดเจ็บที่ไขสันหลังอาจส่งผลต่อแรงกระตุ้นของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อในลำไส้ ซึ่งนำไปสู่อาการท้องผูก
สาเหตุอื่น ๆ
- การตั้งครรภ์: มดลูกที่โตขึ้นสามารถกดทับลำไส้ ทำให้ท้องผูกได้
- อายุ: เมื่อเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อในลำไส้อาจอ่อนแรง ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ยากขึ้น
การรักษาท้องผูก หรือ วิธีแก้ท้องผูกเรื้อรัง
ท้องผูกทำไงถึงจะดีขึ้นได้ ก็ต้องแยกเป็นกรณี หากอาการไม่รุนแรงมาก สามารถทำตามนี้ได้เลย
- การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง: อาหารอย่างเช่น ผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช และพืชตระกูลถั่วสามารถช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ไฟเบอร์จะช่วยให้เราขับถ่ายได้ดีขึ้น ช่วยกำจัดของเสียออกออกจากลำไส้ ซึ่งจะอยู่ในผักผลไม้ ที่อุดมไปด้วย ไฟโตนิวเทรียนด์ เอมไซม์ กากใย พรีไบโอติก สิ่งเหล่าจะเป็นตัวช่วยให้ระบบการทำงานในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นนั้นเอง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การให้ความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอสามารถช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและป้องกันอาการท้องผูก ซึ่งปกติแล้ว คนเราควรเดิมน้ำวันละ 2 ลิตร เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอ และ ส่งผลต่อลำไส้ที่ช่วยให้เราขับถ่ายได้ง่ายขึ้นนั้นเอง
- ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายสามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว การทำงานของกระเพาะ ลำไส้ ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ไปจัดการข้อเสียในร่างกายได้
- การใช้ยาระบายที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์หรือร้านขายยา: ยาระบาย เช่น อาหารเสริมไฟเบอร์ น้ำยาปรับอุจจาระ และยาระบายกระตุ้นสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้
- เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต: หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจทำให้ท้องผูก เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารแปรรูป และคาเฟอีน
กรณีรุนแรงขับถ่ายเป็นเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างถูกต้อง และ ตรวจสอบว่า มีโรคอื่นแทรงซ้อนด้วยรึเปล่า นอกจากนั้น ก็จะได้แนวทางการรักษาที่ถูกต้องกว่าการหาซื้อยามาทานเอง
การป้องกันท้องผูก
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอาการท้องผูกคือการรักษาอาหารและการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก และการจัดการกับสภาวะทางการแพทย์ใดๆ ก็สามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้เช่นกัน
ท้องผูกกินอะไรดี?
ควรกินผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง พวกถั่ว ธัญพืชต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน ธัญพืขไม่ขัดสี ข้าวกล้อง หรือ ผักผลไม้ เช่น แครอท คะน้า ข้าวโพด บล็อคโคลี ผักโขม มะละกอ กล้วย เป็นต้น
ปัจจุบันมีตัวช่วยสำหรับคนไม่มีเวลาทานผักที่เป็นท้องผูกหลายหลายรูปแบบ เช่น ผงผัก ไฟเบอร์ หรือ โปรไบโอติก ตัวช่วยเหล่านี้ล้วนถูกผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยคนที่กำลังเจอปัญหาเกี่ยวกับลำไส้โดยเฉพาะ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่เป็นท้องผูกอย่างมาก
บทสรุป
อาการท้องผูกเป็นโรคทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย ท้องอืด และปวดท้องได้ มีสาเหตุหลายประการ รวมถึงปัจจัยด้านอาหารและการใช้ชีวิต สภาวะทางการแพทย์ และสาเหตุอื่นๆ อาการท้องผูก ได้แก่ การถ่ายอุจจาระไม่บ่อย อุจจาระแข็ง
แหล่งข้อมูล
- สมาคมประสาททางเดินอาหารและการเคลื่อนไหว : การรักษาท้องผูก
- Webmd : What Is Constipation?
- Healthline : What You Should Know About Constipation